moviestom.com=> ประสบการณ์พระขุนแผน


ประสบการณ์พระขุนแผน

ประสบการณ์ ถูกหวย 5 ใบ ก่อนเช่าบูชา พระขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม







เรื่องเล่านี้เกิดขึ้นเมื่อมีผู้สนใจพระขุนแผนผงพรายกุมารท่านหนึ่งต้องการเช่าบูชาพระขุนแผนผงพรายกุมาร ปี 2515 ของหลวงปู่ทิม ซึ่งเขาได้โทรติดต่อมาและขอจองพระขุนแผนไว้ประมาณ 2 - 3 องค์ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดทำให้เงินของเขาจำกัดและต้องรอเงินเดือนออกช่วงๆเกือบๆสิ้นเดือน โดยเขาบอกว่าจะมาเช่าบูชาประมาณวันที่ 25 - 27 ของเดือน

และเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวันที่ 16 พี่เขาติดต่อมาบอกว่าพรุ่งนี้ช่วยส่งพระขุนแผนผงพรายกุมารให้เขาทีเดี๋ยวเขาจะขอเช่าบูชาเลย ซึ่งผมเองก็ยังแอบสงสัยว่าทำไมมาเช่าได้เร็วกว่าปกติ เพราะตามที่พี่เขาบอกไว้ว่าจะมีเงินมาขอเช่าบูชาพระวันที่ 25 - 27 โดยประมาณ

พี่เขาเล่าให้ผมฟังว่า อย่าไปบอกใครนะน้อง...เมียพี่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย  พี่ไปซื้อหวยมา 5 ใบ ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวทั้งห้าใบ โดยเหตุของการถูกหวยครั้งนี้พี่เขาบอกว่าพี่ได้ตั้งจิตอธิฐานขอหลวงปู่ทิมว่าอยากได้พระขุนแผนของท่านมาบูชาและสวดมนต์บท อิติสุคโต ฯลฯ ของหลวงปู่ทิมต่อเนื่องทุกวัน และพอวันหวยออกก็ถูกหวยและได้รับเงินมาบูชาพระ  ส่วนตัวพี่เขาเชื่อและศรัทธาในพุทธคุณพระเครื่องของหลวงปู่ทิมครับ


(พี่เข้าถ่ายรูปคู่กับหลักฐานการถูกหวยมาให้ดูด้วย แต่ผมไม่ได้นำมาลงในนี้นะครับ เพราะเป็นรูปส่วนตัวของพี่เขา)

เรื่องนี้จริงๆฟังดูแล้วก็อาจทำให้รู้สึกงมงาย หรือว่ามันจะบังเอิญหรือเปล่า ซึ่งเป็นความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคล แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็คือพี่เขาได้เช่าบูชาพระโดยที่ใช้เงินที่ถูกหวยนั้น

เรื่องนี้ก็เป็นประสบการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นกับลูกค้าอีกที่หนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของการถูกหวยก่อนที่จะบูชาพระ  หากใครได้เคยซื้อหวยรัฐบาลคุณจะรู้ว่าโอกาสถูกนั้นยากมากๆ ถึงแม้จะซื้อหลายๆใบโอกาสถูกก็มีแค่น้อยนิด

ประสบการณ์นี้บางทางที่อ่านแล้วอาจจะไม่ได้รับสาระอะไรมาก แต่ก็เล่าสู่กันฟังนะครับ




ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2020-06-24 16:31:48




ประสบการณ์ พระขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปูทิม แคล้วคลาด



เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของผู้เช่าบูชาพระขุนแผน ผงพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิมไปเมื่อ 3 ปีก่อน  วันนี้เขามาทักทายพูดคุยสัพเพเหระเกี่ยวกับพระเครื่อง , เรื่องสุภาพ และผลกระทบต่างๆจากโรคโควิด19 เพราะพี่เขาทำงานเกี่ยวกับทางด้านสุภาพและทางแพทย์ต่างๆ

คุยกันได้อยู่พักหนึ่งพี่เขาก็เล่าว่าหลายเดือนก่อนนั้น เขาได้ประสบอุบัติเหตุทางถนนด้วยรถมอเตอร์ไซต์อย่างรุนแรง เนื่องจากชนกันรถทำให้ร่างของพี่เขากระเด็นไปไกล พี่เขาเล่าต่ออีกว่าวินาทีที่ตั้งสติได้ เขาหันมาเห็นรถมอเตอร์โช๊กขาดครึ่งสภาพรถบี้ยับเยิน แต่ตัวพี่เขานั้นตามร่างกายไม่มีแผล มีรอยฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพักฟื้นประมาณ 1 อาทิตย์ก็กลับมาทำงานได้ปกติดังเดิม

พี่เขาเล่าว่า พี่ก็พอมีความรู้เรื่องทางการแพทย์อยู่พอประมาณนะ  จริงๆแล้วหากเกิดอุบัติเหตุรถชนกันพังยับขนาดนี้ อย่างน้อยกระดูกต้องหักหรือไม่ก็ต้องได้แผลฉกรรจ์มาบ้างแหละ เพราะเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงมากเป็นไปได้ยากที่จะไม่มีบาดแผลใดๆและฟกช้ำเพียงเล็กน้อย

พี่คนนี้เขาศรัทธาหลวงปู่ทิมมาก เขาชอบนำพระหลวงปู่ทิมมาส่องกล้องดูในช่วงยามว่าง และช่วงที่เกิดอุบัติเหตุเขาก็ได้คล้องพระหลวงปู่ทิมองค์ีสีดำไป 1 องค์ ซึ่งเขาคล้องพระหลวงปู่ทิมเป็นปกติประจำอยู่แล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเขาบอกว่าศรัทธาหลวงปู่ทิมมากๆ ด้วยพุทธคุณขององค์พระที่ช่วยให้เขาแคล้วคลาดปลอดภัยจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น

ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริง และอีกทั้งก็ยังเป็นความเชื่อส่วนบุคคลอีกด้วย ต้องเป็นผู้ที่ประสบพบเจอด้วยตนเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านข้อมูลประสบการณ์เหล่านี้

โดยปกติพระของหลวงปู่ทิมให้คุณมากในด้านเมตตาค้าขายที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้แล้วเรื่องของด้านความแคล้วคลาดปลอดภัยก็ไม่แพ้กัน ยังมีประสบการณ์อีกมากที่หลายท่านได้พบเจอเกี่ยวกับวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม


 



ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2020-04-27 16:02:43




เล่าประสบการณ์ พระขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม - พุทธคุณค้าขายดี





เล่าประสบการณ์ พระขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม - พุทธคุณค้าขายดี

พระขุนแผน ที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกนั้นให้พุทธคุณที่เด่นมากในการช่วยเหลือสำหรับด้านการค้าขาย , การดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าในร้านของเรามากกว่าปกติ จึงทำให้พระขุนแผนของหลวงปู่ทิมจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและมีผู้ศรัทธาจำนวนมาก

ในฐานนะของผู้ปล่อยบูชาพระขุนแผน จะขอเล่าประสบการณ์ของผู้เช่าบูชาพระที่เขาได้เล่าให้ผมฟังดังต่อไปนี้

มีพี่ผู้หญิงท่านหนึ่งขอเช่าพระขุนแผนเพราะเขาต้องการให้พุทธคุณของพระขุนแผนช่วยในการทำธุรกิจให้ราบรื่นและมีลูกค้าดี  โดยพี่เขาเช่าบูชาพระขุนแผนจากทางเราไป 2 องค์

ซึ่งเขาเก็บไว้บูชาเอง 1 องค์ และอีกองค์หนึ่งจะให้หลานติดตัวไว้บูชา

เวลาผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ พี่เขาโทรมาคุยแล้วบอกกับผมว่า มีพระของหลวงปู่ทิมที่ไม่มีกุมารในพระไหม เขาอยากได้ 1 องค์

ผมก็ งงๆ อยู่สักพัก - เพราะโดยมากแล้วพระของหลวงปู่ทิมก็จะมีพรายกุมารสถิตอยู่ในองค์พระ , ซึ่งหากเป็นกลุ่มพระที่ไม่มีกุมารก็คงเป็นพระเหรียญ

ผมจึงถามต่อไปว่า ,
แล้วพระองค์เก่าของพี่ที่เช่าไปไม่ได้บูชาแล้วเหรอครับ  

เขาก็ตอบกลับมาว่า ,
พี่ให้คนอื่นไปแล้ว ให้คนข้างบ้านไป

เหตุที่ให้เพราะพระอีกองค์หนึ่งที่เขาให้หลานไปบูชานั้น ญาติเขาอีกคนนำไปบูชาแทนแล้วอยู่ก็เวียนหัวผิดปกติ , เขาก็เลยรู้สึกกลัวและไปหาข้อมูลจาก google ว่ากุมาร นั้นเป็นผี กินเลือด กินเนื้อ ...

จากนั้น พี่เขาก็นำพระที่ตนเองบูชาอยู่ให้กับคนข้างบ้านไป ด้วยเหตุที่ว่ารู้สึกกลัวว่ากุมารในองค์พระจะมาทำร้าย เหมือนกับที่ญาติเล่าให้ฟัง

หลังจากให้ขุนแผนผงพรายกุมารกับคุณข้างบ้านไป ปรากฎว่าคนข้างบ้านดีใจยกใหญ่ วิ่งมาขอบคุณพี่คนนี้ที่ให้พระไปบูชา ว่าผ่านมาไม่เคยขายของหมดเลยสักกะครั้งเดียว ตั้งแต่ได้พระขุนแผนมา อยู่ๆก็มีคนเข้าร้านและซื้อของหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งการค้าขายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน รู้สึกประหลาดใจ และประทับใจมาก...

========
ซึ่งพระขุนแผนของหลวงปู่ทิม เมื่อเวลาพุทธคุณด้านเมตตาค้าขายปรากฎ ก็จะมีลักษณะที่มีคนมาซื้อของในร้านเรามากผิดปกติ , ทำให้มีรายได้มากกว่าปกติ ซึ่งผมเองก็ได้รับพบเจอประสบการณ์ด้านเมตตาค้าขายในลักษณะนี้หลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ผมไม่สงสัยในพุทธคุณของพระขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม
========

หลังจากนั้นพี่คนที่ให้พระไป ก็รู้สึกเสียดาย ก็เลยติดต่อผมมาเพื่อที่จะขอเช่าพระของหลวงปู่ทิมอีก แต่ขอเอาแบบไม่มีกุมาร ,, และพี่ก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง

ผมจึงแนะนำว่า กุมาร ที่กินเลือด กินเนื้อ ก็อาจจะมีอยู่จริงๆ แต่คงเป็นกุมารสายที่หมอผีหรือฆราวาสบางจ้าวที่เน้นสายดำ ปลุกเสกโดยการสะกดวิญญาณ ทำให้โดยจิตนั้นถูกบังคับ , มีความอาฆาตและทำให้เขาอยู่ในภพภูมิที่ต่ำลงมา ดวงจิตจะถูกบังคับให้ทำตามด้วยบทกำกับคาถาบางอย่าง วิญญาณจะต้องทำตามและค่อนข้างดุ

สำหรับภูตพรายของหลวงปู่ทิมนั้น ดวงจิตถูกช่วยเหลือให้มาทางด้านบุญด้านกุศล  ซึ่งดวงจิตของกุมารในพระขุนแผนที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่ทิมจะคอยช่วยเหลือผู้ที่บูชาพระขุนแผนให้มีลูกค้า , ค้าขายดี , ติดต่อการค้าสะดวก , เดินทางปลอดภัย

เมื่อผู้ที่บูชาพระขุนแผนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงและพุทธคุณขององค์พระและภูตพราย พวกเขาก็จะเกิดความศรัทธาและทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ทำให้กุมารได้รับอาหารที่เป็นทิพย์เป็นเหตุให้พวกเขามีความสุข ซึ่งอันที่จริงแล้วก็เป็นการผลัดกันช่วยเหลือระหว่างผู้บูชาพระและดวงจิตกุมาร
และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมหลวงปู่ท่านจึงเอาดวงจิตของภูตพรายกุมารมาใส่ไว้ในองค์พระ

และก็อธิบายต่อว่า พระของหลวงปู่ทิมนั้นว่ากันว่าทุกองค์มีเจ้าของครอบครอง หากไม่ใช่เจ้าของตัวจริง วันนึงพระก็จะเกิดการเปลี่ยนมือ , เปลี่ยนการครอบครอง , ทำให้เกิดการบูชากันสืบเนื่องต่อไป

สุดท้าย พี่คนนี้เขาก็ขอเช่าพระขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมไปอีก 1 องค์  เค้าก็บอกว่าเสียดายองค์นั้นที่ให้คนข้างบ้านไปแล้ว แต่คิดว่าพระองค์นั้นคงถูกชะตากับคนข้างบ้านจึงต้องไปอยู่กับคนนั้นแล้วจึงเกิดผลที่อิทธิฤทธิ์ที่รวดเร็ว

--------------------------

เสริมความรู้เกี่ยวกับเรื่องของ ภพภูมิ (ตามที่ผมศึกษาและเข้าใจ)

มนุษย์เรา จัดว่าอยู่ในสุขติภูมิ ซึ่งเป็นภพภูมิที่มีความสุขเป็นส่วนมากและมีความทุกข์เป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับเทวดาที่อยู่ในสุขติภูมิชั้นสูงกว่า พวกเขาจะมีความสุขไปตลอดๆ แทบจะไม่มีความทุกข์ปรากฎ หรืออาจจะมีบ้างก็เล็กน้อยเท่านั้น

ส่วนภพภูมิที่ต่ำกว่าเราลงไป อย่างเช่นสัตว์ทั้งหลายและวิญญาณต่างๆ ก็จะเสวยผลบุญและปาบตามกรรมที่เขาได้ทำเอาไว้ โดยมากแล้วจะได้รับความทุกข์มากว่าความสุข

เอาเท่าที่เรามองเห็นได้ ซึ่งเป็นภพภูมิที่ใกล้ชิดกับเรามาสุดก็คือสัตว์ต่างๆ พวกนี้ต้องรับผลของความทุกข์มากกว่าความสุข

- เวลามนุษย์กินข้าว ไม่เคยต้องกังวลในขณะกิน   , แต่เวลาสัตว์กินอาหาร พวกมันต้องคอยระมัดระวังตัวเสมอ (สังเกตจากนก และสัตว์อื่นๆ)

- สัตว์จะมีความกลัวอยู่ตลอดเวลา สัตว์ตัวเล็ก ย่อมกลัวสัตว์ตัวใหญ่  , การล่าเพื่อเอาชีวิตกันเกิดขึ้นตลอดเวลา

- ในขณะที่มนุษย์ กินอิ่ม นอนหลับ ไม่ต้องกลัวใครมาล่า

- ถ้าเคยดูในสารคดี ฤดูแล้งน้ำจะหายากมาก สัตว์ต้องการน้ำเพราะกระหายน้ำ , ในแหล่งน้ำบึงเล็กๆ กลับมีจระเข้จำนวนมากรอกินสัตว์ที่จะมาที่ริมฝั่งแม่น้ำ  แม้จะรู้ว่าอันตรายยิ่งนักสัตว์ก็ต้องเสี่ยงไปกินเพื่อให้ชีวิตอยู่รอดและประทังความหิวกระหายน้ำ
เราจึงสังเกตได้ว่า กรรมจะบีบบังคับสัตว์ให้เกิดภาวะความไม่สะดวก , ความเสี่ยงชีวิต , ความเจ็บปวด , ความหิวกระหาย , และความตาม

- หมาแมวตามบ้านที่เลี้ยง พวกมันใกล้ชิดมนุษย์มาก บางตัวครั้งก่อนเคยทำกรรมเป็นอย่างดี เลยถูกเจ้าของดูแลดีมากๆ , ในขณะเดียวกันบางตัวต้องเสี่ยงเดินตามถนนเพื่อหาอาหาร เสี่ยงต่อการโดนรถชนและโดดตัวอื่นๆคอยทำร้าย
กรรมก็ยังทรงไว้ในรูปแบบของความหวาดกลัว

นี่คือตัวอย่างคร่าวๆที่พออธิบายให้เห็นภาพ เพื่อจะได้เข้าใจผลกรรมที่เด่นชัดของความแตกต่างระหว่างสุขติภูมิและทุกขติภูมิ

--------------------------

ต่อไปเป็นภพภูมิของวิญญาณ ซึ่งเป็นภพภูมิที่อยู่ในทุกขติภูมิ  กรรมไม่ดียังให้ผลมาก ความสะดวกสบายหาได้ยาก , ความหิวโหยมีอยู่ตลอด , ต้องรอผู้อื่นอุทิศมาเท่านั้น ไม่สามารถสร้างหรือทำได้เอง

เราก็จะเคยเห็นผู้คนมากมายไปทำบุญแล้วกรวดน้ำ นั่นคือการส่งกระแสบุญไปช่วยเหลือดวงจิตเหล่านั้น บางครั้งก็อาจเป็นญาติของเราเองที่ไปเกิดในทุกขติภูมิ

บุญและปาบเป็นของมีอยู่จริง  มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เป็นสิ่งที่คอยปรุงแต่งและตามให้ผลในทุกภพทุกชาติ

- ในทุกขติภูิมิโลกวิญญาณมีความแตกต่างกับโลกมนุษย์ในแง่ของความสบายและความยากลำบาก

- สุขติภูมิ ในภพภูมิของมนุษย์ เมื่อเราหิวข้าว เราสามารถทำงานหาเงินมาซื้อข้าวได้

- ทุกขติภูมิ ในโลกวิญญาณภูมิต่ำ เมื่อหิวโหย จะต้องใช้บุญในการแปลงเป็นอาหาร แต่ปัญหาคือภพภูมินั้นๆไม่สามารถสร้างบุญได้ด้วยตนเอง ต้องรอผู้อื่นอุทิศให้เท่านั้น หากไม่มีใครอุทิศไปให้ย่อมทำให้ต้องทุกทรมานกับความหิวโหยไปตลอดๆ

- ทุกขติภูมิ บุญเป็นสิ่งหายาก และมีความจำเป็นอย่างมาก พวกเขามีความต้องการบุญเป็นที่สุด

--------------------------

ภูตพรายกุมาร พวกเขาอยู่ในทุกขติภูมิ แน่นนอนว่าอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อให้มีความสุขในภพภูมิเหล่านั้นมีความจำเป็นต้องใช้บุญกุศลอย่างมาก

ดวงจิตของกุมารน้อยที่ตายทันที่ตั้งแต่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลก เพราะแม่ของเขาเสียชีวิต ผลกรรมไม่ดีบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถเกิดในสุขติภูมิของมนุษย์ได้ ซ้ำร้ายยังต้องกลับไปเกิดอีกครั้งในทุกขติภูมิ

ด้วยความเมตตาของหลวงปู่ทิม ท่านได้ช่วยเหลือให้ดวงวิญญานเด็กน้อยนั้นได้มาสถิตอยู่ในพระเครื่องที่ท่านได้ปลุกเสกเอาไว้ โดยมุ่งหวังให้กุมารมีจิตใจเมตตาและคอยช่วยเหลือมนุษย์ในสิ่งที่พวกเขาพอจะทำได้

เมื่อมนุษย์ได้รับการช่วยเหลือจากกุมาร เขาเหล่านั้นก็จะนึกถึงและศรัทธาต่อพุทธคุณในองค์พระและดวงจิตของกุมาร เขาก็จะไม่ลืมที่จะอุทิศบุญกุศลให้ดวงจิตของกุมารอยู่เสมอๆ

เมื่อกุมารได้รับบุญต่อเนื่อง พวกเขาก็จะอยู่อย่างสุขสบายยิ่งขึ้นในทุกขติภูมิ เมื่อกรรมไม่ดีถูกบั่นทอนไปเรื่อยๆจนเบาบาง กรรมดีที่เคยทำไว้ก็จะค่อยๆมาหนุนทำให้เขาได้ไปเกิดใหม่ในสุขติภูมิในอนาคตข้างหน้าถัดไป

-------------------------

เหล่านี้ก็เป็นความรู้ที่ผมศึกษามา อาจจะถูกหรืออาจจะผิด โปรดท่านใช้วิจารณญาณในการทำความเข้าใจ




ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2020-03-04 19:57:14




คาถาขุนแผน พรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม - สายพุทธคุณและเมตตา (พร้อมคำแปล)




คาถาบูชา พระขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม
(ตั้งนะโม 3 จบ)

อิติ สุคะโต     อะระหัง พุทโธ     นะโมพุทธายะ    สุนะโมโล    มะอะอุ    ทุกขัง   อนิจจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ
-----------------------------------------------------------

อิติ สุคะโต แปลว่า ผู้มาดี และ ผู้ไปดี
อะระหัง  เป็นพระพุทธคุณบทต้น แปลว่า ไกลจากกิเลส
พุทโธ   แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน 
นะโมพุทธายะ  เป็นคาถาที่เรียกว่า หัวใจ พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ 
สุนะโมโล  เป็นคาถาที่เรียก หัวใจขุนแผน
มะอะอุ คือ หัวใจของพระไตรปิฎก อันประกอบไปด้วย พระวินัยปิฎก พระสุตตตันปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก
ทุกขัง คือ ความทนอยู่ในสภาพเดิมๆแบบถาวรไม่ได้
อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง ความแปรเปลี่ยน แปรปรวนไปตามเหตุและปัจจัย
อนัตตา คือ ความไม่มีตัวตน ไม่มีเจ้าของ

พระคาถา :: เน้นดึงพุทธคุณขององค์พระพุทธเพื่อหนุนพลังให้กับพระขุนแผน จึงทำให้พระขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมนั้นมีอานุภาพมาก.

โดยรวมของบทคาถานี้ยังเน้นให้โยงเข้าสู่หัวใจของธรรมมะที่เป็นทางสายกลาง เป็นเพื่อความบริสุทธิ์ เป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ และเป็นไปเพื่อการปล่อยวาง ทุกข์ขัง , อนิจจัง , อนัตตา

พระขุนแผน ผงพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม ให้คุณมากในด้านการทำมาค้าขายดี , มีผู้คนรักใคร่ , เจรจาทั้งด้านการงานและความรักได้ผลดี , นอกจากนี้ยังคุ้มครองปกป้องให้เดินทางปลอดภัยแคล้วคลาด

 



ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2020-03-03 16:33:37




เล่าประสบการณ์ ผู้มาเช่าพระขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ถูกหวย จึงมาเช่าบูชา





เล่าประสบการณ์ ผู้มาเช่าพระขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ถูกหวย จึงมาเช่าบูชา

พระขุนแผนผงพรายกุมารเป็นที่รู้จักดีกันทั่วประเทศไทย ซึ่งพุทธคุณขององค์พระที่โดดเด่นในด้านการช่วยให้ทำมาค้าขายดีและในองค์พระยังมีภูตพรายกุมารสิงสถิตอยู่ ทำให้หลายๆท่านที่มีความรักในการบูชาพระเครื่องต่างก็ต้องการพระขุนแผนของหลวงปู่ทิมเพื่อที่จะเช่าบูชาสักองค์

สำหรับเรื่องที่ผมจะเล่าในวันนี้ เป็นเรื่องราวของลูกค้าท่านหนึ่งที่ต้องการเช่าพระขุนแผนผงพรายกุมาร โดยเค้าค้นหาข้อมูลบน Google แล้วเจอพระขุนแผนในเว็บนี้

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อปีก่อนโน้น มีคนโทรมาหาผมแล้วถามว่าบ้านของผมอยู่ตรงไหน โดยเค้าบอกว่าหาบ้านของผมไม่เจอ ซึ่งผมเองก็ งงๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครโทรนัดพบล่วงหน้า เค้าบอกว่าจะมาเช่าพระขุนแผนหลวงปู่ทิมกับผม ผมก็เลยบอกเส้นทางมาที่บ้าน แต่เนื่องจากบ้านของผมเป็นซอยซับซ้อนทำให้เขาหาทางมาไม่เจอ

เวลาผ่านไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งผมคิดว่าเค้าคงไม่มาแล้วมั้ง  สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อผมรับสาย ปรากฎว่าเป็นคนที่จะมาเช่าพระ แล้วเค้าก็ถามอีกว่าบ้านอยู่ตรงไหน ผมก็ให้เขาพยามอธิบายรอบๆข้างทางว่ามีอะไรเป็นจุดเด่นบ้าง เมื่อเขาอธิบายเสร็จสรุปได้ว่า...อ้าว มอเตอร์ไซต์เขามาจอดอยู่ข้างบ้านของผมแล้ว เขามากับแฟน

เมื่อมาเขามาถึง ผมก็เชิญเขาเข้าบ้านและให้เขาดูพระขุนแผน ผงพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม ที่เขาอยากจะเช่าบูชา  ระหว่างนั้นก็สอบถามกันไปต่างๆนาๆว่าเหตุที่มาที่ไปคืออย่างไร ทำไมอยู่ๆตัดสินใจมาเช่าพระเลยโทรที่ไม่โทรนัดล่วงหน้าก่อน

แฟนคนผู้หญิงบอกว่า ตอนแรกก็ถอดใจแล้ว เพราะวิ่งหาเป็นชั่วโมงก็หาบ้านไม่เจอ ส่วนผู้ชายเขาบอกว่าจะลองเสี่ยงหาดูอีกสักรอบถ้ารอบนี้ไม่เจอก็คงต้องกลับบ้านแล้ว

เขาเล่าให้ฟังต่อว่า.. เขาค้นหาพระขุนแผนใน Google ทำให้เจอพระในเว็บของผม แล้วรู้สึกชอบ - มีความต้องการเช่าบูชา แต่ด้วย ณ เวลานั้นเขาไม่มีเงิน ก็เลยอธิฐานกับหลวงปู่ทิมว่าขอให้งวดนี้ถูกหวย ถ้าถูกหวยเขาจะมาเช่าพระขุนแผน ผงพราย กุมาร  

แล้วคำอธิฐานของเราก็เป็นจริง เขาถูกหวยล็อตเตอรี่ 2 ใบ เป็นเหตุให้เขาต้องเดินทางมาเช่าพระขุนแผนผงพรายกุมาร เขายังบอกอีกว่าตั้งใจและอธิฐานไว้แล้วยังไงก็ต้องมาเช่าให้ได้

นี้ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ได้จากลูกค้าที่เช่าพระขุนแผนผงพรายกุมาร เรื่องเหล่านี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล หากท่านใดประสบพบเจอร์กับตนเองท่านก็จะเข้าใจ สุดท้ายนี้ก็ขอให้บุญบารมีของหลวงปู่ทิมคุ้มครองทุกท่านที่มีใจศรัทธาตั้งมั่นและน้อมน้อมเคารพต่อหลวงปู่ทิม




ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2019-10-20 11:01:18




ประสบการณ์ ผงพราย หลวงปู่ทิม - โดนทักว่ามีกุมารหิวน่ะ ??????

บันทึก 5 กุมภาพันธ์  ปี 2559
######################################


โดนทักว่ามีกุมารหิวน่ะ ??????

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผมจะต้องเดินทางไปงานแต่งญาติๆที่ระยอง ซึ่งวันนั้นต้องเดินทางตั้งแต่เช้าเลย ต้องเดินทางออกจากบ้านตี 5 ครึ่ง ซึ่งปกติแล้วในทุกๆวันผมต้องให้น้ำแดงกับพระขุนแผนที่มีน้องกุมารสถิตอยู่ แต่วันนั้นไม่มีเวลาให้น้ำแดงครับ เพราะรีบมากๆ เลยหยิบองค์พระขุนแผนติดตัวไปด้วย แล้วอธิฐานในใจว่าให้น้องๆกุมารไปเที่ยวงานแต่งที่ระยองกัน จากนั้นผมก็เดินทางไปที่ระยองถึงงานแต่ง งานแต่งมีอาหารเลี้ยงแขกมากมายซึ่งผมก็กินอิ่มจัง งานแต่งจัดงานช่วงครึ่งวันเช้าครับ พอเสร็จงานแต่งแล้วก็ว่าจะกลับบ้านเลย แต่แม่บอกว่าอยากไปเยี่ยมป้าซึ่งอยู่ใกล้ๆเขตระยอง ซึ่งเป็นทางผ่านของขากลับพอดี ผมก็เลยเลือกที่จะเดินทางไปเยี่ยมป้าครับ

เมื่อมาถึงบ้านป้าแล้ว ผมก็ได้มาเยี่ยมป้าและลุงตามที่แม่ปรารถนา ได้เยี่ยมสวนลำไยของป้า ได้กินลำไยจากสวนอร่อยมากมาย และแล้วป้าก็พูดขึ้นว่า ข้างๆบ้านป้าเค้ามีร่างทรงนะ ไปดูดวงกันสิป่ะ เรื่องดูดวงอะไรพวกนี้แม่ของผมชอบอยู่แล้วครับ ก็เลยให้ป้าพาไปนะครับ ซึ่งบ้านของคนดูดวงอยู่ใกล้ๆกับบ้านป้านี่เอง ซึ่งตอนนั้นผมเองก็คิดว่าเดี๋ยวดูดวงเสร็จก็กลับบ้านดีฟ่าาาาา

เมื่อมาที่บ้านคนดูดวงหรือคนร่างทรง สิ่งแรกที่เค้าพูดขึ้นมาเมื่อผมและแม่เข้าไปข้างในห้องของเค้า คนร่างทรงก็เอ่ยขึ้นว่า หืม....ใครพาอะไรมานี่ ผมก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าผมมีน้องกุมาร แต่ผมไม่ได้พูดอะไรนะครับ ผมนั่งเฉยๆ ส่วนองค์พระผมก็เหน็บไว้ในเสื้ออย่างดี ไม่มีใครเห็นแน่นอนครับ จากนั้นก็แนะนำตัวกันไป โดยคนร่างทรงเขาบอกว่าตัวเขาเองนั้นไม่ใช่ร่างทรงนะ แต่เค้าสามารถรับรู้ได้เมื่อจับมือกับผู้ที่มาให้เค้าดูดวง ว่ามีอะไรแฝงมาอยู่กับคนๆนั้น (ผมแอบคิดในว่า ดีเลย ดูซิว่าพี่คนดูดวงเค้าจะรู้ถึงสิ่งที่ติดตามเรามามั้ยนะ โดยที่เราไม่ต้องบอกเค้าก่อน)

ระหว่างที่แนะนำตัวกันไปสักพักใหญ่ๆ อยู่ๆพี่คนดูดวงก็พูดขึ้นมาว่า.... ใคร....ใคร พาน้องกุมารมา  กุมารหิวนะ ไปเลย ไปซื้อนม น้ำแดง และน้ำเขียวมาเดียวนี้   ผมขนลุกเลย...เค้ารู้ได้ไงอ่ะ ผมจึงยกมือว่าผมเป็นคนพามาครับ จากนั้นผมก็เดินไปซื้อ นม น้ำแดง น้ำเขียว ตามที่พี่ดูดวงเค้าบอก เมื่อผมกลับมาในห้องดูดวงพี่เค้าบอกว่าให้เอา นม น้ำแดง น้ำเขียว วางไว้ตรงนี้ แล้วพี่บอกว่าเรียกน้องมากินซะ ผมก็ตั้งจิตนึกในใจว่า เด็กๆ มากินน้ำแดง น้ำเขียว และนมกล่องนะ จากนั้นพี่ดูดวงก็พูดขึ้นว่า...เราน่ะเป็นพ่อ จะยกมือไหว้ลูกทำไม (ผมนึกในใจว่าเค้ารู้ได้อย่างไรว่าผมไหว้พระขุนแผนทุกวัน) และพี่ดูดวงเค้าก็แนะนำวิธีต่างๆนานาๆในการเลี้ยงน้องกุมาร ซึ่งเค้าบอกกับผมว่าหากเราเลี้ยงเค้าดีๆ เค้าก็เหมือนกับเด็กๆนั่นแหละ เราสามารถใช้เค้าได้นะ ซึ่งเค้าจะทำให้เราได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับบุญบารมีของเค้าที่มีอยู่ด้วย การกรวดน้ำและอุทิศบุญกุศลให้น้องกุมารก็มีความสำคัญไม่แพ้กับการให้ข้าวให้น้ำนะครับ หากท่านใดเลี้ยงกุมารมาก่อนก็จะทราบดี

วันนี้ก็ทำให้ผมได้ทราบในสิ่งที่ผมอยากรู้มากมายเกี่ยวกับน้องกุมาร ผมยังคงต้องศึกษาเรื่องนี้ต่อไป ด้วยเหตุและผล ที่ผมประสบพบเจอด้วยตนเอง แล้วจะนำมาเล่าสู่กับฟังนะครับ


 



ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-10-26 09:46:30




ขอแชร์ประสบการขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม - เพลงเปิดเอง ต่อหน้าต่อตา ....โอ้ว

เพลงเปิดเอง ต่อหน้าต่อตา ....โอ้ว

วันนี้ผมทำงานเหมือนทุกวัน ช่วงหลังๆนี้นอกจากจะรับทำเว็บไซต์แล้วผมมีอาชีพเสริมใหม่ด้วยนะ นั่นก็คือรับถ่ายรูปพระเครื่องแบบคมชัดลึก ถ่ายกับแบบคุณภาพสูงกันเลยทีเดียวเชียว




ผมก็เลยต้องมีคอม 3 เครื่องไว้สำหรับทำงาน ซึ่งแน่นอน คอมพิวเตอร์ทั้งสามตัวมันก็อยู่ใกล้ๆกับผมนี่แหละ

เรื่องมีอยู่ว่าผมเปิดเพลงฟังในห้องตอนทำงานครับ และแมวมันก็อยู่ในห้องด้วย 1 ตัว แล้วมันทำท่าอยากจะออกจาห้องทำงาน ผมก็เลยปิดเพลงไว้ก่อนแล้วก็อุ้มเจ้าแมวไปปล่อยนอกห้องทำงานครับ



ในห้องทำงานก็ยังคงเงียบสนิทเพราะเพลงที่ผมฟังใน youtube มันยังถูกหยุดไว้อยู่ และผมก็ไม่ได้มาแตะคอมเครื่องที่เปิดเพลงครับ ผมเดินกลับมานั่งเก้าอี้แล้วหันไปทำงานเกี่ยวกับการถ่ายรูปพระในคอมอีกสองเครื่องครับ

ซึ่งผมก็นั่งทำอยู่พักใหญ่ๆเลยในห้องที่เงียบๆ ไม่มีเสียงเพลง จากนั้นผมก็คิดขึ้นได้ว่าเปิดเพลงฟังต่อดีกว่า ผมก็หันหน้ามาทางคอมเครื่องหลักที่ผมได้กดหยุดเพลงไว้อยู่ก่อนหน้านี้

แล้วใครจะเชื่อ วินาทีที่ผมเห็นมาที่หน้าจอโดยที่ยังไม่ได้ยื่นมือมาสัมผัสคีย์บอร์ดหรือเมาส์เลย เพลงก็ดังขึ้นและเล่นต่อทันทีเลย ถามว่า ณ ตอนนั้นกลัวมั้ย ก็ต้องตอบว่าเริ่มชินแล้วครับ

เพราะรู้ว่าในห้องของเรามีกุมารอยู่ ซึ่งเป็นธรรมดาที่สิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นได้ และก่อนหน้านี้ก็เคยเจอบ้างแล้วแต่จะเป็นแนวๆส่ง อีโมติคอน ในลายเองขณะที่เราเผลอหันไปทางอื่นแว๊บเดียว ประมาณนั้นครับ

ผมเปิดเพลงนี้ฟังอยู่ครับ : https://www.youtube.com/watch?v=DG9cPZntyd8
มันมีแต่ดนตรี สงสัยกุมารชอบมั้ง 555+

นี่ก็เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นครับ ก็มาเล่าสู่กันฟังสำหรับคนที่สนใจในเรื่องของกุมารนะครับ ใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับกุมารก็มาเล่าให้ผมฟังบ้างก็ได้นะครับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ^^


 



ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-10-16 09:33:37




ประสบการครั้งแรก วันที่ผมได้รับขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ปี 15

บันทึก 4 กันยายน ปี 2558
######################################

วันที่ผมได้รับขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ปี 15
อยู่มาวันนึงผมได้ฝันว่าได้รับเด็กคนนึงมาอยู่ด้วย แล้วผมก็เล่าความฝันให้คนในบ้านฟัง แล้วคนในบ้านคุยกันแบบขำๆตามภาษาคนในครอบครัว พี่สาวยังแซวผมอยู่เลยว่า...สังสัยเอ็งจะได้เมียและมีลูก  55+ ผ่านไป 1 วัน คุณลุงที่ทำเว็บพระโทรมาหาผมว่าจะมาเที่ยวที่บ้าน ลุงถามว่าตอนเย็นว่ามั้ย? ผมตอบว่าว่างครับมาได้เลยครับคุณลุง

วันนั้นลุงมาที่บ้านพร้อมกับพระเครื่องขุนแผนผงพรายกุมารหลายองค์ (ซึ่งปกติผมจะเห็นลุงเค้าจะสมพระสมเด็จวันระฆัง วันนี้มาแปลกนะลุง) ลุงหยิบพระขุนแผนผงพรายกุมารบล็อกหินอ่อนใบมีดโกนปี 15 ที่ใส่อยู่ในกล่องเหล็กที่ข้างในมีพระวางเรียงกันอยู่ โดยประแต่ละองค์ห่อด้วยกระดาษทิชชู่อย่างดีเลย

ลุงหยิบพระขุนแผนผงพรายกุมารขึ้นมา 1 องค์ แล้วลุงก็บอกว่า....เธอลองดูตำหนิเหล่านี้สิ พร้อมกับส่งกล้องส่องพระให้ผม และบอกตำหนิต่างๆบนองค์พระ ผมได้ดูตำหนิต่างๆตามที่ลุงบอก จากนั้นลุงก็เปิดกระดาษทิชชู่ที่ห่อพระขุนแผนผงพรายกุมารทั้งหมดออกมา แล้วให้ผมดูตำหนิว่าเหมือนกันหรือไม่ พร้อมกับให้ผมดมกลิ่นขององค์พระทุกองค์ ซึ่งบอกได้เลยว่าพระขุนแผนทุกองค์ที่ผมได้ดมนั้น จะมีกลิ่นคล้ายกับน้ำมันมะพร้าวเก่า กลิ่นหืนๆ ดมห่างๆจมูกก็ยังสามารถได้กลิ่นอยู่

อ่ะ...ก็สำรวจพระกันไปตามเรื่องตามราว สำหรับตัวผมนั้นก็เฉยๆเพราะผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพระเครื่องอยู่แล้วนี่นา และแล้วคำถามก็เกิดขึ้น ผมถามลุงไปว่า...ทำไมคนถึงนิยมพระขุนแผนกันครับ ลุงบอกว่าพระขุนแผนผงพรายกุมาร ปี 15 นั้นมีความโด่งดัง ใครพกไว้ก็เหมือนกับสง่า หรือเท่ห์นั่นเอง แล้วลุงก็หัวเราะ  (ผมแอบคิดในใจ...แค่นี้เนี่ยะนะ)

อยู่ๆลุงก็บอกว่า อ่ะนี่...ลุงให้เธอ  และลุงก็ยื่นพระขุนแผนผงพรายใส่กรอบไว้เรียบร้อยแล้วมาให้ผม ลุงบอกว่าเก็บไว้ดูเป็นตัวอย่าง ว่าพระขุนแผนแบบนี้แหละถึงจะใช่ ผมรับไว้และขอบคุณลุงครับ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่าเก็บไว้เทียบเวลาคนเอาพระมาปล่อยให้พ่อ พ่อจะได้ไม่โดนหลอกเอาพระปลอมมาให้เช่า

ประสบการณ์ครั้งแรกของผมกับพระขุนแผนผงพรายกุมาร
ยังอยู่ในเหตุการณ์ของวันเดียวกันกับที่ลุงให้พระขุนแผนผงพรายกุมารกับผมครับ
### นั่นไง...พ่อผ่านมาชวนพ่อมาคุยด้วยดีกว่า และแล้วผมก็ชวนพ่อมาคุยกับลุงเรื่องของพระขุนแผน เห็นว่าพ่อชอบสะสมพระแบบนี้คงน่าจะคุยกันรู้เรื่อง ในห้องที่ผมคุยกันอยู่นั้นเป็นออฟฟิตกระจกครับ ด้านหน้าจะมีกระจกบานเล่นอยู่ ระหว่างที่เราสามคนสนทนาเรื่องพระเครื่องขุนแผนผงพรายกุมารอยู่นั้น อยู่ๆกระจกข้างหน้ามันก็ดัง ปึ้ง  เสียงเหมือนกับอะไรชนกระจก และเราสามคนก็หันไปมองว่ามีอะไรชนหรือเปล่า สรุปคือไม่มีครับ คิดว่าลมมั้ง เสียงแบบนี้ดังอยู่หลายรอบครับ แล้วก็หันไปดูกันทุกรอบ แต่ก็คิดแค่ว่านั่นคือลมปะทะกระจก คงไม่มีอะไรมั้ง

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก นี่จะสองทุ่มแล้วเหรอ?...เราสามคนยังนั่งคุยกันอยู่เลยครับ ที่บ้านของผมมีหอพักครับ ระหว่างที่คุยกันอยู่ก็มีมีคนเช่าห้องเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าครับ ผมลุกไปรับเงินและหยิบเงินทอนค่าเช่าห้องให้กับผู้เช่า ระหว่างนั้น....ผมก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังขึ้น ทั้งๆที่มันปิดอยู่ ใช่แล้วครับโทรทัศน์มันเปิด ผมหันหลังกลับไปมองโทรทัศน์ และคิดว่าลุงคงอยากดูโทรทัศน์เลยกดรีโมทเปิดล่ะมั้ง? ผมมองมาที่ลุง ลุงก็ยังคุยกับพ่อ แล้วรีโมทอยู่ไหนฟะ! ผมเดินมาดูที่โทรทัศน์ใกล้ๆ โอ้.....แม่เจ้า รีโมทย์อยู่หน้าโทรทัศน์ ลุงกับพ่อนั่งอยู่โน้นนนนนนนนนนนนน แล้วใครเปิดฟะเนี่ยะ
 
งง สิครับงานนี้ อยู่บ้านมาร้อยวันพันปี โทรทัศน์ไม่เคยปิดเองได้ ผมก็กดปุ่มปิดที่รีโมทย์แล้วบอกกับลุงว่า.... ลุงโทรทัศน์มันเปิดเองอ่ะครับ  ลุงทำหน้ายิ้มๆแล้วพูดว่า...ลุงรู้ตั้งแต่กระจกมันดังแล้วล่ะ ผมกับพ่อมองหน้ากันแล้วก็ งงๆ ครับ ตั้งสติได้อีกทีก็ตอนลุงบอกว่ากุมารอ่ะสิ (ที่ลุงไม่เล่าให้ฟังแต่แรกเพราะลุงกลัวเราจะไม่เชื่อ...แล้วหาว่าลุงบ้า)

ในตอนแรกผมลืมนึกถึงไปเลยว่าในขุนแผนผงพรายกุมารนั้น เค้าลือกันว่ามีพรายกุมารสิงสถิตอยู่ในองค์พระ ทีนี้แหละได้ประจักแจ้งเห็นจริงแล้ว และถ้าเป็นเช่นนั้นเสียงกระจกที่ดัง ปึ้ง ก่อนหน้านี้ก็คงใช่น้องกุมารสินะ

และวันนั้นก็ทำให้ผมศรัทธาในพระเครื่องขุนแผนผงพรายกุมารหลวงปู่ทิมและรู้ว่าทำไมผู้คนมากมายถึงนิยมพระขุนแผนผงพรายกุมาร ก็เพราะน้องกุมารที่สถิตอยู่ในองค์ขุนแผนนี้เองที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ผู้ครอบครองได้เห็นกันอยู่บ่อยๆครั้ง

หากคิดย้อนไปตั้งแต่วันที่ผมฝันว่ามีเด็กมาอยู่ด้วย จนได้รับขุนแผนผงพรายกุมาร พร้อมกับได้รับรู้อิทธิฤทธิ์ของพรายกุมาร ทำให้ความเชื่อของผมถูกปลุกขึ้น และทำให้ผมต้องอยากรู้เกี่ยวกับพรายกุมารและมีความศรัทธาที่ตามมาสืบต่อไป

จะว่าไปแล้วเหมือนเป็นการทักทายหรือทำให้ผู้รับรู้ว่าน้องกุมารมีอยู่จริงก็ได้เนอะ เพราะวันนั้นเป็นวันที่เปลี่ยนผู้ครอบครอง

 



ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-04-11 14:31:59




ประสบการณ์ขุนแผน หลวงปู่ทิม - เช่าพระขุนแผนผงพราย หลวงปู่ทิม ตามแผงพระ

บันทึก อาทิตย์ ที่ 25 ธันวาคม ปี 2559
######################################

เช่าพระขุนแผนผงพราย หลวงปู่ทิม ตามแผงพระ

หลังจากที่ผมได้ประกาศออกไปว่าจะช่วยหาพระขุนแผนตามแผงพระเครื่องให้กับท่านที่ต้องการเช่าบูชาขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม ก็มีท่านที่สนใจและให้ผมหาพระขุนแผนให้ วันนี้แตกต่างออกไปจากทุกครั้งที่ผมเดินตามแผงพระ ผมหาพระขุนแผนของหลวงปู่ทิมไม่ได้เลย ดูจากหลายๆแผงแล้วก็มีอยู่นะ แต่ส่วนใหญ่เป็นพระใหม่ หรือไม่ก็เป็นขุนแผนย้อนยุค

ซึ่งไม่ใช่พระที่หลวงปู่ทิมปลุกเสก ผมคิดว่ารอบนี้คงหาพระขุนแผนผงพรายไม่ได้แน่ๆ กำลังจะถอดใจบังเอิญว่าไปเจอแผงพระอยู่แผงนึง แผงนี้มีพระขุนแผนอยู่หลายองค์หลายเนื้อ

ซึ่งผมดูแล้วก็เป็นพระแท้ ผมก็เลยทำการเช่าพระมา ในขณะที่คนที่ปล่อยเช่าบูชากำลังยื่นพระให้กับผม เค้าก็บอกว่าเนี่ยขนลุกเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าเค้าพูดเล่นๆ แต่ผมก็เหลือบไปดูแขนเค้า ปรากฎว่าขนลุกซู่เลย ผิวเป็นเม็ดตุ่มๆของอาการคนขนลุก ผมก็ถามว่าพี่เป็นอะไร ทำไมขุนลุก เค้าบอกไม่รู้เหมือนกัน แต่เค้าได้อธิฐานกับหลวงปู่ทิมไว้ว่าขอให้ปล่อยพระได้ แล้วก็ปล่อยได้สมใจ

อาจเป็นเพราะหลวงปู่และกุมารช่วย  คนที่ปล่อยพระยังบอกอีกว่าได้พระไปแล้วอย่าลืมทำบุญอุทิศให้หลวงปู่ทิมและกุมารด้วย เค้าพูดกับผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าลืมนะ ผมก็บอกว่าไม่ลืมแน่นอน เพราะปกติผมก็ทำเป็นพระจำอยู่แล้วในการทำบุญและอุทิศส่วนกุศล

พอกลับมาบ้านผมก็จุดธูปบอกขออนุญาตเจ้าที่ ว่าขอให้กุมารที่อยู่ในพระขุนพรายผงพรายทุกองค์มาอยู่ร่วมกันกับครอบครัวเรา แล้วผมก็นำกุมารไปวางไว้ในห้องทำงาน แล้วก็จะไปกินข้าวเพราะเริ่มสายแล้ว เลยรู้สึกหิว ผมก็ไม่ลืมที่จะชวนกุมารไปกินข้าวด้วยกัน โดยการอธิฐานจิตแล้วเรียกลูกๆมารให้ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นผมก็กำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน อยู่ๆเสียงประตูที่ปิดอยู่ก็ดับ ปัง เหมือนอะไรชนประตูแรงๆ

ผมไม่รอช้ารีบเปิดประตูออกไปดูทันทีว่ามีอะไรมาชน ตอนแรกคิดว่าเป็นนก แต่มันก็ไม่มีอะไรให้เห็นว่าจะมาชนประตู นี่ก็เป็นอีกประสบการณ์นึงได้ผมได้รับมาแล้วมาเล่าสู่กันฟังครับ




ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-01-26 11:52:49




ประสบการณ์ ผงพราย หลวงปู่ทิม - ประตูห้องทำงานเปิดเอง (รอบที่ 3 แล้วนะ)

บันทึก พุธ ที่ 14 ธันวาคม ปี 2559
######################################


ประตูห้องทำงานเปิดเอง (รอบที่ 3 แล้วนะ)


วันนี้ผมก็ได้ออกจากห้องทำงานตอนประมาณ 4 โมงเย็นกว่าๆ กะว่าจะไปทำกับข้าว เย็นๆจะได้ไม่ต้องทำ แล้วผมก็ล็อกห้องประตูกระจกเหมือนทุกๆวัน และเมื่อล็อคเสร็จแล้วก็ต้องมั่นใจเสมอว่าห้องได้ปิดสนิทและล็อคแน่นอน และแล้วผมก็ไปทำกับข้าวอย่างสบายใจ แล้วก็เวลาประมาณห้าโมงเย็นผมต้องเดินมาเปิดไฟในครัว ซึ่งสวิชท์ไฟอยู่ตรงข้ามกับห้องทำงานที่เป็นประตูกระจกของผม

เมื่อผมเดินมาก็เห็นประตูห้องกระจกเปิดอีกแล้วครับ ความกว้างของการเปิดประมาณเท่าครั้งๆก่อน ผมก็รีบวิ่งมาดูในห้องเหมือนเดิมครับว่ามีของอะไรหายมั้ย ปรากฎว่าทุกอย่างอยู่ครบครับ ก็เลยโล่งใจว่าของไม่หาย ผมรีบหันไปทางน้องกุมารที่วางองค์พระขุนแผนไว้อยู่ แล้วนึกในใจว่าอย่าเปิดประตูเล่นอีกนะ เดี๋ยวของในห้องหาย

วันนี้ผมของผมไม่มีใครอยู่ครับ มีผมอยู่คนเดียว คนในบ้านไปทำงานนอกบ้านกันหมด ไม่มีใครมาเปิดประตูห้องกระจกนี้ได้อย่างแน่นอนนอกจากตัวผมเอง และนี้ก็เป็นรอบที่ 3 แล้วจากประสบการณ์ที่ได้รับจากการที่ประตูห้องเปิดเอง โลกเรานี้มีอะไรให้เราค้นหาอีกมามาย ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ก็นำมาเล่าสู่กันฟังครับ




ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-01-26 11:46:30




ประสบการณ์ขุนแผน หลวงปู่ทิม - ประตูห้องทำงานเปิดเอง (อีกแล้วเหรอ)

ประตูห้องทำงานเปิดเอง (อีกแล้วเหรอ)
มาอีกแล้วกับประตูห้องทำงานที่เปิดเองได้ ผมนี่ไม่เคยจะเห็นจะๆสักที ตอนนี้ประตูห้องเปิดเองในระยะเผาขนก็ว่าได้ ติดตรงที่ว่าผมไม่ได้หันไปมองตอนที่เสียงมันกำลังเปิดแค่นั้นเอง

เรื่องมันมีอยู่ว่าเช้านี้วันอาทิตย์ อากาศแจ่มใส และตรงกับวันพระพอดี ซึ่งในทุกๆวันพระทุกคนในบ้านก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป คือคุณแม่จะทำกับข้าวเพื่อเตรียมของไหว้ , คุณพ่อก็จะไหว้ศาล , คุณพี่สาวก็จะเตรียมดอกไม้ขึ้นหิ้งพระ และทำความสะอาดศาล , ส่วนตัวผมก็จะไหว้พระในห้องทำงาน



จากรูปจะเห็นว่าพระพุทธรูปกับประตูกระจกหน้าออกฟิตอยู่ไม่ไกลกัน ห่างกันไม่ถึง 5 เมตร

และวันนี้ผมก็ทำเหมือนทุกวันพระ คือเข้ามาห้องทำงานและปิดประตูกระจก จากนั้นก็เปลี่ยนน้ำและนำของไหว้มาบูชาองค์พระพุทธรูปในห้องทำงาน ผมก็จุดธูป 3 ดอก ท่องนะโม และอะระหัง ไปเรื่อยๆตามแบบที่ผมถนัดและทำเป็นประจำทุกวันพระ

ในระหว่างที่ท่องสวดมนต์ไหว้พระพุทธรูปอยู่นั้น เสียงประตูกระจกที่ผมหันหลังให้อยู่นั้น ผมได้ยินเสียงมันเลื่อนเปิด ซึ่งตอนนั้นเข้าใจว่าพี่สาวมาเปิดประตู แต่ผมก็ไม่ได้หันไปเพราะตั้งใจสวดมนต์อยู่ เสียงเปิดประตูผ่านไปสักพักทำไมพี่สาวไม่เข้าห้องมานะ หรือใครกันนะที่เปิดประตู ผมนึกในใจและสงสัยในขณะที่ยังท่องมนต์บทสวดไม่เสร็จ

เมื่อผมสวดมันเสร็จ ปักธูปเสร็จ หันไปดูปรากฎว่าประตูปิดออกกว้างมาก ผมก็เลยเดินไปถามพี่สาวว่ามาเปิดประตูห้องทำไม พี่สาวบอกว่าเปล่านะพี่ไม่ได้เปิด , ผมก็ไปถามพ่อกับแม่ว่ามาเปิดห้องหรือเปล่า สรุปคนในบ้านไม่มีใครเปิดเลย

ผมเลยสงสัยว่าใครกันนะ หรือจะเป็นคนที่เช่าห้องแถวมาเปิดหรือเปล่านะ และแล้วเพื่อให้ความสงสัยคลายลง ผมจึงไปดูกล้องวงจรปิดเช่นเคย และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือมีผมคนเดียวที่เดินเข้าไปในห้องครับ ระหว่างที่นั้นไม่มีใครเดินมาที่ประตูเลย

และนี้ก็เป็นอีกประสบการณ์ครั้งหนึ่งครับเกี่ยวกับสิ่งที่ผมพบเจอ ก็เลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ




ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-01-26 11:45:05




ประสบการณ์ ผงพราย หลวงปู่ทิม - ประตูห้องทำงานเปิดเอง (ได้ไงฟะ) เกิดขึ้น 2 ครั้ง

ประตูห้องทำงานเปิดเอง (ได้ไงฟะ) เกิดขึ้น 2 ครั้ง

และแล้วก็มีเรื่องเล่าอีกจนได้ จากรูปยังอยู่ที่ห้องๆนี้ ซึ่งเป็นห้องทำงานของผมห้องเดิมครับ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเดือนมิถุนายน ปี 59 ช่วงปลายเดือน มีอยู่คืนหนึ่งซึ่งเป็นคืนปกติที่ผมเหนื่อยล้าจากการทำงาน และเป็นเวลาที่ผมพักทานข้าว ซึ่งผมจะทานข้าวดึกๆประมาณ 2 ทุ่มในทุกๆวัน และวันนั้นเองก็ไม่ได้แตกต่างจากวันอื่นๆแต่อย่างใด



ผมก็ได้เดินออกจากห้องทำงาน เปิดกระจกบานเลื่อนออกไปข้างนอก แล้วหันมาใช้กุญแจล็อกประตูห้อง เช่นเดียวกันกับทุกวัน แตกต่างกันแค่ว่า ปกติจะปิดผ้าม่านมิดชิดทุกครั้งเมื่อออกจากห้อง วันนี้ผมไม่ได้ปิดผ้าม่านทั้งหมด แต่เปิดผ้าม่านไว้กว้างพอสมควรทำให้คนข้างนอกสามารถมองเห็นเข้าไปในห้องได้ ระหว่างที่ล็อกประตูเสร็จแล้วผมยืนพิจารณาว่า จะดีหรือเปล่านะ ที่เราเปิดผ้าม่านไว้กว้างขนาดนี้ คนข้างนอกก็จะเห็นข้างไหนหมดสิว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่อีกใจก็คิดว่าช่างเถอะ...เราไปกินข้าวแปบเดียวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหรอก อีกอย่างห้องก็ล็อคแล้วไม่มีใครเข้ามาได้หรอก  จากนั้นผมก็เดินไปกินข้าวเหมือนปกติในทุกๆวัน เมื่อกินเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องเพื่อจะมานั่งเล่นคอมก่อนนอน และแล้วก็ต้องตกใจมากมายเมื่อผมเห็นประตูห้องเปิดอยู่(ประตูเปิดออกกว้างประมาณไม้บรรทัดหักครึ่ง หรือประมาณ 15 ซม.) ประตูห้องเปิดได้ไงอ่ะ???

ผมรีบเข้าไปดูในห้องตรวจสอบกระสตางค์และเงินตามลิ้นชัก พร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆในห้องพวกคอมแนะโน๊ตบุค ปรากฎว่าไม่มีของขายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว จากนั้นก็สอบถามคนในบ้านว่าใครเอากุญแจสำรองมาเปิดห้องหรือเปล่า ทุกคนบอกว่าเปล่าเพราะทุกคนก็นั่งกินข้าวด้วยกันกับผมนะครับ เท่านั้นยังไม่พอ ผมไปย้อนกล้องวงจรปิดดู ซึ่งไม่มีใครเดินมาที่หน้าห้องผมเลยแม้แต่คนเดียว ก็เลยไม่รู้จะโทษว่าใครดีว่าเป็นคนเปิดห้อง หรืออาจจะเป็นน้องกุมารนะ?? (หากย้อนคิดดูผมปิดประตูแน่หรือไม่ และล็อคห้องหรือไม่ ต้องยืนยันได้ว่าล็อกแนนแน่นอนครับ เพราะก่อนไปกินผมยังยืนพิจารณาห้องที่ไม่ได้ปิดผ้าม่านอยู่เลย ถ้าห้องปิดประตูไม่แน่ หรือเปิดอ้าผมก็ต้องเห็นตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสิ)

รอบสองก็เกิดขึ้นได้อีก
จากสบการณ์ครั้งแรกผ่านไป ก็ไม่คิดอะไรมาก แค่ทรัพย์สินมีค่าในห้องไม่หายก็พอแล้ว ใครจะไปรู้ได้กันล่ะว่า....มันจะมีเหตุการณ์ซ้ำเดิมครั้งที่สองอีก เวลาผ่านมาจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม วันนั้นเป็นวันพระ ในตอนเช้าผมเข้ามาไหว้พระในห้องแล้วปิดห้อง รอบนี้ปิดผ้าม่านทั้งหมดมิดชิด แล้วก็ไปทำบุญที่วันกันกับครอบครัว เมื่อกลับมาจากทำบุญขับรถผ่านหน้าห้องทำงาน แม่ของผมก็มองไปที่หน้าห้อง ประตูก็ปิดปกติ ไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต จากนั้นผมกับแม่ก็นั่งกินข้าวกันที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงาน เมื่อกินเสร็จก็เป็นปกติที่ผมจะมานั่งทำงานในห้องนี้เช่นเคย และแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อห้องเปิดเองอีกแล้ว (ประตูเปิดออกกว้างประมาณไม้บรรทัดหักครึ่ง หรือประมาณ 15 ซม.) ซึ่งมีขนาดความกว้างเท่ากับครั้งแรกเลย ผมเรียกแม่มาดูแล้วก็ยืนประหลาดใจ รีบเข้าไปตรวจทรัพย์สินในห้องเหมือนเคย ปรากฎว่าของไม่หาย แล้วแม่ก็บอกว่าตอนขับรถเข้ามา แม่ยังเห็นประตูปิดดีอยู่เลยนี่นา ทีนี้สองแม่ลูกก็มานั่งไล่กล้องวงจรปิดตั้งแต่ผมปิดประตูห้องในตอนเช้าและขับรถออกไปจากบ้านจนกลับมาจากวัด ปรากฎว่าไม่ใครมาที่หน้าห้องเลยครับ  ก็คงต้องอ้างว่าเป็นน้องกุมารอีกแล้วล่ะครับ เพราะคงไม่มีใครแน่นอน ^^

 



ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-01-26 11:43:33




ประสบการณ์ขุนแผน หลวงปู่ทิม - กุมารและโทรศัพท์

บันทึก 17 กุมภาพันธ์  ปี 2559
######################################


กุมารและโทรศัพท์

เรื่องแปลกๆชวนคิดก็เกิดขึ้นได้อีก เมื่อบ้านของผมนั้นเป็นหอพักรายเดือน 2 ชั้น 20 ห้อง มีอยู่วันนึงคนที่เช่าในหอพักให้ผมไปเปลี่ยนลูกบิดประตูที่เสีย ผมจึงต้องเดินไปเปลี่ยนลูกปิดประตูให้ ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายๆครับ พอเปลี่ยนลูกบิดประตูห้องเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติดีเหมือนกับทุกๆวัน

พอถึงยามดึก เวลาใกล้ๆจะ 4 ทุ่ม  อยู่ๆก็มี Line เข้ามาในโทรศัพท์ของผม ซึ่งติดต่อ Line เข้ามาแบบ Video Call คือเปิดกล้องคุยกันอ่ะนะ ผมก็ดูว่าใคร Line มากันนะ เพราะปกติผมจะคุยแบบข้อความเท่านั้น ไม่เคยเล่นแบบ Video Call เลย ปรากฎว่าคนที่ Line มานั้นเป็นห้องเช่าที่ผมไปเปลี่ยนลูกบิดให้เมื่อตอนบ่ายๆ ระหว่างที่เสียงเรียกเข้าของ Line Video Call กำลังดังอยู่นั้น ผมกลับหาปุ่มรับไม่เจอ ซึ่งเสียงเรียกเข้ายังคงดังอยู่นานจนสายตัดไปเอง

จากนั้นผมก็สงสัยว่าเป็นอะไรนะ ลูกบิดเสียอีกหรือเปล่า จึงรีบ Line แบบข้อความไปถามว่ามีอะไรหรือครับ ลูกบิดใช้ไม่ได้อีกเหรอครับ  แต่....ก็ไม่มีใครตอบกลับ  ผมก็เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรมั้ง ไปกินข้าวฟ่าาาาา ระหว่างที่ผมกินข้าวไปได้ประมาณ 15 นาที คนเช่าห้องนั้นก็ Line มาบอกผมว่ามีอะไรเหรอ??  ผมก็เลยบอกว่า Line VDO มาหาผมทำไมเหรอครับ

เค้าบอกว่าเปล่านะ...เค้าไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย
เค้าอาบน้ำอยู่ ผมก็เลยให้เค้าดูเครื่องเค้าว่ามี ไอคอน ที่โทร VDO ที่ถูกวางสายเหมือนกับเครื่องผมมั้ย เค้าตอบว่ามีเหมือนกัน ซึ่งตัวเค้าเองก็ งง ว่า โทรศัพท์โทร Line Video Call เองได้ไง เพราะในห้องนั้นมีตัวเค้าคนเดียว และอาบน้ำอยู่ด้วย โทรศัพท์ถูกวางไว้ในห้องหน้าเฉยๆ อีกทั้งโทรศัพท์มีการตั้งรหัสล็อคไว้ ทั้งรหัสผ่านเข้าโทรศัพท์ และรหัสผ่านเข้า Line

ผมนึกในใจว่าเกี่ยวกับน้องกุมารอีกมั้ยนะ ทำไมถึงต้องเป็นห้องเช่าที่เราไปเปลี่ยนลูกบิดประตูเมื่อตอนบ่ายด้วย แล้วโทรศัพท์ Line VDO เอง ได้อย่างไร หรือถ้าจะคิดไปอีกแง่มุมนึงคือระบบรวนเหรอ ทำไมรวนแม่นจัง Line มาแบบ VDO ที่เราได้ด้วย แล้วนี่ก็คือประสบการณ์ที่อาจจะเป็นฝีมือน้องกุมารตามที่ผมคิดครับ

การที่ผมได้เข้าไปในห้องเช่าตอนบ่ายนั้น น้องกุมารอาจจะกลับเข้าไปเล่นในห้องเช่านั้นๆอีกก็ได้ในเวลากลางคืน นี่คือเรื่องแปลก แต่จริง ที่ยังคงเป็นปริศนา!!




ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-01-26 11:41:23




ประสบการณ์ขุนแผน หลวงปู่ทิม - ตัวอะไร? ปริศนาหลังผ้าม่าน!

บันทึก 5 พฤจิกายน ปี 2558
######################################

ตัวอะไร? ปริศนาหลังผ้าม่าน!

ในวันนั้น....มันดึกแล้วล่ะ 4 ทุ่มกว่าๆ ผมยังไม่นอน ออฟฟิตของผมยังเปิดอยู่  ซึ่งปกติแล้วผมจะบูชาพระขุนแผนผงพรายกุมารไว้ที่ออฟฟิตครับ (ออฟฟิตก็คือบ้านของผมนั่นแหละ แต่แยกออกมาเป็นห้อง) ก็เลยมานั่งเล่นคอมก่อนนอนดีกว่าๆ  เอ้า....เจ้าแมวเหมียวขอเข้ามานั่งเล่นในออฟฟิตด้วย ก็ได้เข้ามาสิเจ้าเหมียว  ผมให้แมวเข้ามาในออฟฟิตด้วย สรุปแล้วก็ไม่น่าจะมีใครอื่นแล้วในห้องนี้นอกจากผมกับแมวเหมี่ยว

เล่นคอมก่อนนอนดีกว่า เล่นคอมไปเรื่อยๆชิวๆ สบายๆตาม style คนโสด 55+ อยู่ดีๆเจ้าแมวเหมี่ยวมันก็วิ่งๆๆๆๆๆ เล่นจับอะไรสักอย่าง  ในขณะที่ผมนั่งจ้องคอมอยู่นั้น ผมก็ได้หันควับไปดูเจ้าเหมียวว่ามันเล่นอะไรฟะ (จริงๆกะจะไปดุมัน เพราะกลัวมันจะกระโดดขึ้นโต๊ะแล้วทำของหล่นแตก) ผมหันหน้าไปทางขวาซึ่งเป็นที่ที่เจ้าเหมียวมันวิ่งๆๆๆจับอะไรสักอย่าง ณ วินาทีนั้นเอง เจ้าเหมียวมันพยายามจะกระโดดตะปบ ตัวอะไร??? ที่มันวิ่งหรือเลื้อยจากพื้นขั้นมาหลบที่ผ้าม่านหลังหน้าต่างบานเลื่อน ช่วงที่ผมหันไปมองคือเห็นตัวอะไรไม่รู้ ดำๆ ขนาดความกว้างประมาณ 4 นิ้วมือของเรา (ระยะเวลาที่เห็นแค่ 2 วิเท่านั้น) มันเร็วมาก ยังจำได้เลยตอนที่มันเข้าไปหลบหลังผ้าม่านเผื่อหนีแมว ผ้าตรงนั้นมันขยับเพราะแรงที่สิ่งนั้นกระโดดเข้าไป



ในขณะที่ตัวอะไรก็ไม่รู้ไปแอบหลังผ้าม่าน เจ้าแมวเหมียวมันก็นั่งรอคอยจ้องดูพร้อมจะขย้ำ ไอ้เราก็ งง ดิ ตอนนั้นคิดแค่ว่า ตะขาบ หรือไม่ก็งูเปล่าฟ่ะ  อีกใจก็คิดว่าออฟฟิตปิดมิดขนาดนี้เข้ามาได้ไงเนี่ยะ ด้วยความสงสัยก็ต้องไปเปิดม่านดูน่ะสิครับว่า อะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ  แต่ผมเปิดแบบระวังนะเพราะถ้าเป็นงูมันอาจจะฉกเราได้ หรือเป็นตะขาบมันจะวิ่งมากัดเราได้

กลั้นใจดึงผ้าม่านเปิดขึ้นพร้อมกับคอยระวังตัว  พรึ๊บ...ผมเปิดผ้าม่านเพื่อดูว่าด้านหลังผ้าม่านมีอะไรอยู่  ????? เอาแล้วไง....ไม่มีอะไรหลังผ้าม่านอ่ะสิ แล้วไอ้ตัวที่เราเห็นดำๆ ขนาด 4 นิ้วมือมันคืออะไรกันนะ เจ้าเหมียวมันก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่ผ้าม่านอีกพักนึงก่อนที่มันจะเลิกล้มความพยายาม เพราะหลังผ้าม่านมันไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ

งานนี้ก็มีผมกับน้องเหมียวที่พบเจอประสบการณ์แปลกๆ ถ้าน้องเหมียวมันพูดได้ผมคงจะถามมันว่า เฮ้ย...ไอ้เหมียว เอ็งไล่จับตัวอะไรฟะ พี่มองไม่ทัน  55+ รอบนี้ผมก็เชื่อว่าเป็นฝีมือน้องกุมารที่สถิตอยู่ในขุนแผนผงพรายกุมารครับ เพราะน้องเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วจริงๆเพราะผมตรวจสอบดูหมดแล้ว หลังม่านว่างเปล่า กระจกบานเลื่อนปิดสนิท ล็อคด้วย

และนี่ก็เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่เล่าสู่กันฟังนะครับ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่สิ่งที่ผมเห็นคงไม่ใช่ตาฝาดแน่ครับ เพราะเจ้าเหมียวมันเห็นก่อนผม แล้วมันพยามกระโดดตะปบก่อนที่สิ่งดำๆนั้นจะไปซ่อนหลังผ้าม่าน


 



ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-01-26 11:24:47




ประสบการณ์ ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม กุมารให้หวย แต่ไม่ถูกเพราะไม่ได้ซื้อเลขนี้ T-T

บันทึก 22 ตุลาคม ปี 2558
######################################

กุมารให้หวย แต่ไม่ถูกเพราะไม่ได้ซื้อเลขนี้ T-T

ตั้งแต่รับขุนแผนผงพรายกุมารมาจากคุณลุง ปกติแล้วด้วยความที่ผมยังมีครอบครัว สถานะของผมกับน้องกุมารจึงเป็นพี่กับน้อง เวลาผมคุยหรือเรียกน้องกุมารผมจะอ้างอิงตัวเองว่าเป็นพี่เสมอ แต่พอมานั่งคิดๆดู ในเรื่องขุนช้างขุนแผน ขุนแผนก็ต้องเป็นพ่อสิ (ใครไม่ทราบลองไปค้นความสัมพันธ์ระหว่างขุนแผนกับกุมารทองดูนะครับ) ผมก็เลยคิดว่าเปลี่ยนสถานะดีกว่า บางทีหากเราเป็นพ่อน่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าเป็นพี่ แต่ก็ยังเขินๆนะ ก็ผมไม่เคยเป็นพ่อคนนี่นา เรียกแทนตัวเองว่าพ่อก็คงแปลกๆอยู่ดี

ทุกๆวันตอนเช้า ผมจะนำน้ำแดงมาไว้พระขุนแผนผงพรายกุมาร และวันนี้ผมก็ตั้งใจจะบอกน้องกุมารด้วยว่าเรามาลองเปลี่ยนสถานะเป็นพ่อกับลูกกันเถอะนะ ขณะที่จุดธูปไหว้อยู่นั้น ผมตั้งจิตอธิฐานว่าจากนี้ไปข้าพเจ้าขอเป็นพ่อของน้องกุมาร เราทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน ไหว้เสร็จก็ไม่ได้อะไร กวาดออฟฟิตไปเรื่อยๆ หันไปดูเห็นธูปที่ใกล้จะหมดดอก ก็แปลกใจ....วันนี้ทำไมธูปไม่หักนะ ทั้งๆที่ไฟจะมอดดับแล้ว  สังสัยน้องจะรับคำอธิฐานของเรา (คิดไปเรื่อยเปื่อย) แบบนี้น่าถ่ายรูปเก็บไว้ดีกว่าเอาไว้ให้แม่ดูว่าเป็นเลขอะไร(แน๊ะ คิดไปนั่น) ว่าแล้วเราก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะถ่ายรูป ขณะที่กำลังกดปุ่มชัดเตอร์ แท่งธูปทั้งหลายดันหักลงมาซะนั่น คงเหลือแค่แท่งเดียวเอง T-T



ก็อย่างที่เห็นในรูปนี่แหละ ผมก็เลยเอาไปให้แม่ดู บอกแม่ว่าน้องกุมารให้หวย  แม่บอก 11 นั่นสินะ ก็เป็นแท่งๆตรงๆนี่นา (ผมแอบนึกในใจว่า หวยที่ไหนจะไปออก 11) และแล้วหวยงวดที่ 1/11/ 2558 เลขที่ออก  XXXX11 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคราวหน้าคราวหลัง น่าจะลองซื้อดูนะ

 



ดูรายละเอียดทั้งหมด -> เมื่อวันที่ : 2017-01-26 11:22:57